Posted on

ไม่ควรวางเครื่องฟอกอากาศ ตรงไหน ?

ท่านที่ซื้อๆ เครื่องฟอกอากาศไปใช้ในบ้าน ในออฟฟิศ ในหน่วยงานราชการ ท่านซื้อไปแล้ว ท่านรู้กันแล้วยังครับว่าไม่ควรวางเครื่องฟอกอากาศตรงไหน? แล้วควรจะวางเครื่องฟอกอากาศตรงไหน ถึงจะดี ? วันนี้ผมมีเคล็ดลับมาบอกครับ ก่อนอื่นเรามารู้จักลักษณะการดูดอากาศร้าย และการฟอกอากาศดีปล่อยออกมา ของระบบเครื่องฟอกอากาศก่อนนะครับ

โดยส่วนใหญ่แล้ว เครื่องฟอกอากาศทั่วไป การทำงานของเครื่อง จะดูดอากาศสกปรกหรืออากาศปกติที่มีฝุ่นในห้อง โดยการดูดเข้ามาจากทางด้านหลังของเครื่อง หรือดูดจากทางด้านล่างของเครื่อง แล้วนำไปผ่านใส้กรองฟิลเตอร์ ตามระบบของเครื่องแต่ละรุ่น จากนั้นก็จะพ่น ปล่อยอากาศสะอาดออกมาทางด้านบนของเครื่อง หรือเครื่องบางรุ่นก็มีทางดูดอากาศสกปรกเข้ามาทั้งทางด้านหน้า และด้านหลังเครื่อง แล้วก็ปล่อยอากาศสะอาดออกมาทางด้านบนเครื่อง และก็มีที่เป็นเครื่องฟอกอากาศตามบัญชีครุภัณฑ์ราชการ ที่ติดตั้งบนฝ้าเพดาน หรือติดฝาผนัง ที่เป็นเครื่องฟอกอากาศระบบ Electronic Collecting Cell อันนี้จะเป็นแบบที่ดูดอากาศสกปรกเข้าทางหน้าเครื่อง แล้วปล่อยอากาศสะอาดออกมาทางช่องข้างๆ รอบตัวเครื่อง และก็แบบพิเศษไปเลยก็เครื่องฟอกอากาศในห้องผ่าตัดที่เป็นการฟอกอากาศไหลเวียนแบบ LAMINA Flow (อันนี้เริ่มลึกๆ ทางวิศวกรรมระบบปรับอากาศ หากมีข้อสงสัยใว้ค่อยโทรถามกันดีกว่า) แล้วก็อันล่าสุดเป็นเครื่องฟอกอากาศแบบควบคุมเชื้อโรค แบบที่ใช้กันในห้องทันกรรมปลอดเชื้อ ห้องแยกโรค COHORT WARD อันนี้ลักษณะการดูด และจ่ายอากาศจะเป็นดูดเข้าทางหัว แล้วปล่อยออกทางท้ายเครื่อง โดยไม่มีอากาศสกปรกที่เข้าสู่ะบบไหลเวียนในช่วงผ่าน Filter กรองอากาศ รั่วออกมาสู่ภายนอกเลย (อันนี้ก็ลึกเข้าไปในงานติดตั้งอีกขั้นนึง หากมีข้อสงสัย ใว้ค่อยโทรมาถามกันดีกว่าครับ)

รูปตัวอย่าง ตำแหน่งการวางเครื่องฟอกอากาศ ที่เหมาะสม

การตั้งเครื่องฟอกอากาศก็สำคัญครับ เราควรตั้งเครื่องฟอกอากาศห่างจากผนังหรือสิ่งกีดขวางทางดูดอากาศสกปรก หรือทางเดินลม อย่างน้อย 10 Cm. โดยเฉพาะไอ้เครื่องฟอกอากาศที่ดูดอากาศสกปรกเข้าทางด้านหลังเครื่องเนี่ย สำคัญเลย เพราะถ้าเราวางเครื่องฟอกอากาศติดผนังมากเกินไป นอกจากอากาศที่จะดูดเข้าไปฟอกในเครื่องเดินทางไม่สะดวกแล้ว ฝาผนังด้านนั้นจะเกิดคราบฝุ่นจากการที่เครื่องฟอกอากาศดูดอากาศสกปรกมาปะทะฝาผนังสะสมเป็นเวลานานๆ อีกด้วย

ร่ายยาวมา 3 ย่อหน้ายังไม่มาถึง เรื่องจุดวางเครื่องฟอกอากาศ วางตรงไหนดี สักที คุณกัมปนาถถถถถถถ อะไรครับเนี่ยยย !!

เอ้า ! เริ่มเลยก็ได้ >>>>

  • ไม่ควรวางเครื่องฟอกอากาศใว้ใต้แอร์ ไม่ว่าจะเป็นห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องรับแขก ไม่ควรวางเครื่องฟอกอากาศใว้ใต้แอร์ เพราะแอร์มันมีแรงในการดูดอากาศมากกว่าเครื่องฟอกอากาศ ถ้าเราวางเครื่องฟอกอากาศใว้ใต้แอร์ ก็จะทำให้กลายเป็นการรวมพลัง x 2 ในการดูดอากาศสกปรกที่มีฝุ่นมารวมกันใว้ที่ใต้แอร์ แล้วเครื่องฟอกอากาศมันแรงน้อยกว่าแอร์ ก็ดูดไม่ทันแอร์ ทำให้อากาศที่ยังไม่ได้ฟอก ก็โดนพลังดูดของแอร์เข้าไปผ่านคอยล์เย็น กลายเป็นอากาศสกปรกที่เย็น กระจายฟุ้งไปทั่วทั้งห้องซะงั้น ลองหลับตานึกภาพดูซิครับ ดังนั้นเราควรวางเครื่องฟอกอากาศใว้ตรงข้ามกับแอร์ จึงจะดี
    • ไม่ควรวางเครื่องฟอกอากาศวางหน้าห้องน้ำ ทำไมเหรอ ? ก็ห้องน้ำมันชื้นตลอดเวลา บางท่านอยากจะให้อากาศที่ออกมาจากห้องน้ำเป็นอากาศบริสุทธิ์ เหมือนอากาศที่ไปวิ่งเล่นในทุ่งลาเวนเดอร์ แต่ท่านคิดผิดครับท่าน !! เพราะว่าเครื่องฟอกอากาศมันจะดูดความชื้นในห้องน้ำออกมาปล่อยในห้องนั่งเล่น ห้องนอน ท่านซะเปล่าๆ ทำไปทำมากลายเป็นท่านสร้างแหล่งเพาะเชื้อราขึ้นมาในห้อง พาป่วยซะเปล่าๆ ไปหาที่ตรงอื่นวางเครื่องฟอกอากาศดีกว่าครับ
    • อันนี้สำคัญเลย ถ้าเป็นห้องนอน ไม่ควรวางเครื่องฟอกอากาศใว้ที่หัวเตียงนอน เพราะเครื่องฟอกอากาศจะดูดอากาศสกปรกที่มีฝุ่น ผ่านตัวเราข้ามหัวเราไปเลย กลับกลายเป็นว่าเรานอนสูดดมฝุ่นเข้าปอดขณะนอนหลับตลอดทั้งคืน แล้วก็เครื่องอยู่ใกล้หัว ใกล้หูเรา เสียงการทำงานของเครื่องอาจจะรบกวนการนอนหลับของเรา ทำให้หลับไม่สนิท หาที่วางตรงอื่นดีกว่าครับ
    • ไม่ควรวางเครื่องฟอกอากาศใว้ตรงบริเวณโต๊ะเครื่องแป้ง โต๊ะแต่งหน้า ทำไมเหรอ ก็เพราะเวลาท่านแต่งหน้า ทาแป้ง แล้ว Sensor เครื่องฟอกอากาศมันตรวจจับได้ว่าแป้งเป็นฝุ่น กลิ่นน้ำหอม มันมองว่าเป็นก๊าซสกปรก เครื่องฟอกอากาศที่มีระบบ Auto มันก็จะเร่งเครื่องเองทันที เพื่อเร่งดูดเอาแป้ง และกลิ่นที่มันคิดว่าเป็นก๊าซสกปรก มาฟอกอย่างรวดเร็ว อันนี้จะทำให้ฟิลเตอร์ของเครื่องฯ ตันเร็ว เสื่อมสภาพเร็วขึ้นครับ
    • ข้อควรทำ ควรบำรุงรักษา เปลี่ยนแผ่นกรองฟิลเตอร์ของเครื่องฟอกอากาศตามเวลาที่กำหนด หรือให้สังเกตดูสัญลักษณ์แจ้งเตือนการเปลี่ยนฟิลเตอร์ หรือให้ทำความสะอาดฟิลเตอร์ (กรณีที่เป็น ESP Filter) ที่แสดงขึ้นที่หน้าจอเครื่องฯ (เครื่องบางรุ่นที่ราคาถูกๆ อาจไม่มีระบบแจ้งเตือน ก็ต้องคอยสังเกตลมสะอาดที่ออกมาเอาเอง ว่าแผ่วเบาหรือเปล่า หรือเปิดดูฟิลเตอร์ว่าดำปิ๊ดปี๋ แล้วหรือยัง) แต่ผมบอกได้เลยสภาพอากาศฝุ่นมากแบบนี้ 6 เดือนเปลี่ยนฟิลเตอร์ทีนึงเหอะเพราะที่ติดมากะเครื่องน่ะบางคนใช้มาเป็นปีๆ ไม่ยอมเปลี่ยนกะว่าใช้ให้เครื่องพัง ฟิลเตอร์ดำปี๋ ผมละเป็นห่วงปอดท่านจริงๆ
บริการ service ล้างทำความสะอาด เครื่องฟอกอากาศ ระบบ Electronic Collecting Cell ตามบัญชีครุภัณฑ์ ราชการ

หากมีสิ่งใดสอบถามเพิ่มเติม ติดต่อ คุณกัมปนาถ  HotLine : 097-1524554 

 Line id : Lphotline

บริษัท ไลฟ์ โพรเทค จำกัด

Office Tel. 029294345-6

email : LPCentermail@gmail.com

facebook: http://fb.me/Lifeprotect.co.th

http://www.Lifeprotect.co.th

Posted on

คิดจะซื้อเครื่องฟอกอากาศ…คุณต้องรู้เรื่องนี้ !!

ในทุกๆวัน นอกจากเราค้องผจญกับฝุ่น PM2.5 แล้วเรายังต้องระวังเชื้อไวรัส โควิท-19 ด้วยนะครับ

หลายๆ คนที่คิดจะซื้อเครื่องฟอกอากาศมาใช้ ผมขอแนะนำให้คุณ เลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศที่มีกำลังในการฟอกอากาศสูง มีเซ็นเซอร์วัดค่าฝุ่น PM2.5 และมีหน้าจอแสดงผลค่าฝุ่น PM2.5 เป็นตัวเลข

ทำไมผมจึงแนะนำแบบนี้  เพราะว่าถ้าเครื่องฟอกอากาศที่คุณคิดจะเลือกซื้อมาไว้ในห้อง ไม่มีตัวเซ็นเซอร์วัดค่าฝุ่น และไม่มีหน้าจอแสดงผลค่าฝุ่น PM2.5 เป็นตัวเลข แล้วเราจะรู้ได้ยังไง? เราจะมั่นใจได้ยังไง? ว่าหลังจากที่เริ่มเปิดใช้งานเครื่องฟอกอากาศแล้ว อากาศในห้องของเราสะอาดบริสุทธิ์ขึ้นหรือยัง ? ลอกนึกภาพดูครับ อากาศภายนอกบ้าน ภายนอกอาคารที่เต็มไปด้วยฝุ่น PM2.5 แล้วเราเปิดประตูเข้าบ้าน เข้าอาคารสำนักงาน เปิด เข้าๆ ออกๆ เพราะเราต้องมีการทำกิจกรรมตามชีวิตประจำวัน ทุกครั้งก็จะมีฝุ่นติดเข้ามาด้วย ยิ่งอาคารบ้านเรือนที่อยู่ใกล้ถนน หรืออยู่ในเมืองใหญ่ ที่มีการจราจรแออัดพลุกพล่าน หรืออยู่ในแนวการก่อสร้างทางด่วน แนวการก่อสร้างรถไฟฟ้า นี่ไม่ต้องสืบเลยครับฝุ่นเพียบจนแทบไม่อยากจะเปิดประตูหน้าต่างกันเลย พอเราเข้าห้องมาเราเปิดเครื่องฟอกอากาศ ถ้าไม่มีระบบตรวจวัดค่าฝุ่น และการแสดงผลเราก็จะไม่รู้เลยว่าสภาพอากาศรอบๆตัวเราในห้องนั้น มีค่าฝุ่น PM2.5 มากน้อยเพียงใด นั่นคือที่มาและเหตุผลที่ผมมาแนะนำเรื่องนี้

หน้ากากอนามัย บางชนิดป้องกันการแพร่เชื่อไวรัส COVID-19 ได้ แต่กรองฝุ่น PM2.5 ไม่ได้นะจ๊ะ

ทุกวันนี้ ด้วยวิวัฒนาการเทคโนโลยีในปัจจุบันของเครื่องฟอกอากาศ วิศวกรได้คิดค้นและออกแบบเครื่องฟอกอากาศให้มีกำลังในการฟอกอากาศสูงมากขึ้น และได้ออกแบบเครื่องฟอกอากาศแบบที่มีเซ็นเซอร์ และหน้าจอแสดงผล ออกมาให้เราเลือกซื้อใช้หลายรุ่น (เพียงแต่เราต้องจ่ายตังค์เพิ่มอีกหน่อย) ไอ้เครื่องฟอกอากาศแบบนี้แหละ ที่ทำให้เราสามารถมองเห็นอากาศที่อยู่รอบๆ ตัวในห้องของเราได้ในรูปแบบตัวเลข Digital บนจอแสดงผลที่จะบอกให้เรารับรู้ได้ว่า ณ เวลานั้น สภาพอากาศในพื้นที่ห้องที่เราอยู่ขณะนั้นเป็นอย่างไร ปลอดภัยต่อสุขภาพทางเดินหายใจ และร่างกายเราหรือไม่ การแสดงผลสภาพอากาศภายในห้องเราเป็นตัวเลขแบบนี้ จะช่วยให้เราสามารถวางแผนการควบคุมสภาพอากาศในห้องได้ง่าย และวางแผนการดูแลสุขภาพของคนที่คุณรักและตัวคุณเองได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะหากคุณหรือคนในครอบครัวของคุณ เป็นผู้ที่มีความเสี่ยงและควรต้องเฝ้าระวังเรื่องฝุ่นพิษ PM.2.5 นี้เป็นพิเศษ เช่นผู้ที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ โรคภูมิแพ้ โรคหอบหืด เด็ก ผู้สูงอายุ และสตรีมีครรภ์ ที่อาจจะมีภูมิคุ้มกันอ่อนแอหรือน้อยกว่าคนทั่วไป

  แล้วคุณรู้หรือเปล่าว่าค่าตัวเลขฝุ่น PM2.5 ค่าขนาดไหนล่ะ? ถึงจะเป็นค่าที่ปลอดภัย แล้วค่าตัวเลขระดับไหนที่เป็นอันตราย? ผมเชื่อว่าหลายๆท่าน ไม่รู้ ! ถ้าไม่รู้ตามมาอ่านต่อทางนี้เลยครับ ผมจะบอกให้

เครื่องฟอกอากาศที่ดี ควรมีเซ็นเซอร์วัดค่าฝุ่น PM2.5 และแสดงผลที่หน้าจอเป็นตัวเลข

องค์การอนามัยโลก ( World Health organization หรือ WHO) ได้กำหนดค่าฝุ่น PM2.5 ที่ปลอดภัยต่อสุขภาพ จะต้องมีค่าเฉลี่ยใน 24 ชั่วโมงต้องไม่เกิน 25 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร นั่นมาตรฐาน WHO นะครับ แต่มาตรฐานของบ้านเรา ประเทศไทย ได้กำหนดค่ามาตรฐาน PM2.5 ไว้ที่ไม่เกิน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

อ้าว.. แล้วอย่างนี้ ไอ้ที่ว่าปลอดภัย ค่ามันควรจะเป็นเท่าไหร่กันแน่ ? WHO อเมริกาไปอย่าง ไทยไปอีกอย่าง เอาไงดี ?   เอาอย่างนี้ครับ เราไม่ต้องไปสนใจ ค่า WHO หรือ ค่าที่ไทยกำหนด ปล่อยเขาไป !!  เรามาใช้ค่าที่อ้างอิงจากสำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมสหรัฐอเมริกา (US Environmental Protection Agency หรือ EPA) กันดีกว่า เพราะในไทยเราหน่วยงานใหญ่ๆ หรืออาคารสูงที่มีมาตรฐานในการควบคุมคุณภาพอากาศใช้มาตรฐานการอ้างอิงจาก EPA กันเป็นหลัก

รูปแสดงระดับตัวเลขของค่าฝุ่น PM2.5 ตั้งแต่ค่าปกติจนถึงระดับอันตราย ที่มีผลต่อสุขภาพ

EPA ได้กำหนดไว้ว่า ค่า PM2.5 ที่ปลอดภัยต่อสุขภาพที่ส่งผลต่อสุขภาพน้อย อยู่ที่ 0-12 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และหากเมื่อใดที่ค่าฝุ่น PM2.5 มีค่ามากกว่า 12.1 ไปจนถึง 35.4 จะถือว่าเริ่มส่งผลต่อสุขภาพทันที โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาด้านสุขภาพ จะเริ่มรับรู้ มีอาการรู้สึกถึงความผิดปกตินี้ได้  แต่ถ้าหากตัวเลขค่าฝุ่น PM2.5 มีค่าสูงขึ้นจาก 35.4 ไปจนถึง 55.4 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ก็จะเพิ่มโอกาสของผู้ที่มีปัญหาด้านโรคหัวใจ และโรคปอดจะมีอาการรุนแรงขึ้น และอาจทำให้เสียชีวิตได้ในผู้ป่วยที่มีโรคหัวใจและโรคปอด และผู้สูงอายุ ดังนั้นหากเราเปิดเครื่องฟอกอากาศ แล้วพบว่ามีค่าตังเลขแสดงขึ้นมามากกว่า 12 เราก็เร่งกำลังเครื่องฟอกอากาศให้แรงสูงสุด เพื่อดึงค่าฝุ่น PM2.5 ให้ลงมา น้อยกว่า 12 เร็วๆ ดีที่สุด (ในเครื่องฟอกอากาศบางรุ่นที่มี Mode Auto  เมื่อเปิดเครื่อง เครื่องฟอกอากาศจำทำการวัดค่าฝุ่น PM2.5 ในสภาพแวดล้อมนั้นโดยอัตโนมัติ เมื่อวัดค่าแล้วเครื่องจะทำการเลือก Speed กำลังแรงของลมดูดอากาศเข้ามาฟอกโดยอัตโนมัติ)

ดังนั้นจะเห็นได้ว่า เครื่องฟอกอากาศที่มีการแสดงผลค่าฝุ่น PM2.5 เป็นตัวเลขนั้นดีกว่า น่าใช้งานกว่าเครื่องฟอกอากาศที่ไม่มีค่าการแสดงผล หรือแสดงผลเป็นแถบสีแต่ไม่แสดงผลเป็นตัวเลข และจะดียิ่งขึ้นไปอีกถ้าเครื่องฟอกอากาศนั้น สามารถกรองได้ทั้งฝุ่น PM2.5 และช่วยฆ่าเชื้อไวรัสในอากาศได้ไปพร้อมๆกันด้วย !!

ไลฟ์ โพรเทค จำหน่ายเครื่องฟอกอากาศกำลังสูง และฆ่าเชื้อโรค
เครื่องฟอกอากาศกำลังสูง Model.Y-1000 ได้รับความใว้วางใจ ให้ใช้ในโรงพยาบาลรัฐ และเอกชนหลายแห่ง

ยินดีให้คำปรึกษา สำรวจหน้างาน ปรับปรุงระบบคุณภาพอากาศ ระบบเครื่องฟอกอากาศ ฟรี ! ไม่มีค่าใช้จ่าย

ติดต่อ บริษัท ไลฟ์ โพรเทค จำกัด

โทร.02-9294345-6 Hotline: 097-1524554 , 063-7855159

Email : LPCentermail@gmail.com

Id Line: Lphotline

www.Lifeprotect.co.th