“ให้นายจ้างจัดให้มีการตรวจวัด บันทึกผลการตรวจวัด และประเมินสภาพอากาศในที่อับอากาศก่อนให้ลูกจ้างเข้าไปทำงานและในระหว่างที่ลูกจ้างทำงานในที่อับอากาศ” ข้อความประโยคนี้ พี่น้อง Safety ทั้งหลายน่าจะเห็นกันแล้วจากกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับที่อับอากาศ
ทีนี้ผมขออนุญาต ลอกบางส่วนของกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับที่อับอากาศ พ.ศ. 2562 มาเก็บไว้อ่านกันลืมก่อน
ที่อับอากาศ (Confined Space) หมายความว่า ที่ซึ่งมีทางเข้าออกจำกัดหรือไม่ได้ออกแบบไว้สำหรับเป็นสถานที่ทำงานอย่างต่อเนื่องเป็นประจำ และ มีสภาพอันตราย หรือ มีบรรยากาศอันตราย เช่น อุโมงค์ ถ้ำ บ่อ หลุม ห้องใต้ดิน ห้องนิรภัย ถังน้ำมัน ถังหมัก ถัง ไซโล ท่อ เตา ภาชนะ หรือสิ่งอื่นที่มี
“สภาพอันตราย” หมายความว่า สภาพหรือสภาวะที่อาจทำให้ลูกจ้างได้รับอันตรายจากการทำงาน โดยมีอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้
(1) มีวัตถุหรือวัสดุที่อาจก่อให้เกิดการจมลงของลูกจ้าง หรือทับถมลูกจ้างที่เข้าไปทำงาน
(2) มีสภาพที่อาจทำให้ลูกจ้างตก ถูกกัก หรือติดอยู่ภายใน
(3) มีสภาวะที่ลูกจ้างมีความเสี่ยงที่จะได้รับอันตรายจากบรรยากาศอันตราย
(4) สภาพอื่นใดที่อาจเป็นอันตรายต่อร่างกายภาพหรือชีวิตที่อธิบดีประกาศกำหนด”
“บรรยากาศอันตราย” หมายความว่า สภาพอากาศที่อาจทำให้ลูกจ้างได้รับอันตรายจากสภาวะอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนี้
(1) มีออกซิเจนต่ำกว่าร้อยละ 19.5 หรือมากกว่าร้อยละ 23.5 โดยปริมาตร
(2) มีก๊าซ ไอ หรือละอองที่ติดไฟหรือระเบิดได้ เกินร้อยละ10 ของค่าความเข้มข้นขั้นต่ำ ของสารเคมีแต่ละชนิดในอากาศ ที่อาจติดไปหรือระเบิดได้ (LFL: Lower Flammable limit หรือ LEL: lower explosive limit)
(3) มีฝุ่นที่ติดไฟหรือระเบิดได้ ซึ่งมีค่าความเข้มข้นเท่ากับ หรือมากกว่าค่าความเข้มข้นต่ำสุดของฝุ่นที่ติดไฟหรือระเบิดได้แต่ละชนิด (Minimum Explosible Concentration)
(4) มีค่าความเข้มข้นของสารเคมีแต่ละชนิดเกินมาตรฐานที่กำหนดตามกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดมาตรฐานในการบริหารจัดการฯ เกี่ยวกับสารเคมีอันตราย
(5) สภาวะอื่นใดที่อาจเป็นอันตรายต่อร่างกายหรือชีวิตตามที่อธิบดีประกาศกำหนด”
“นายจ้างจัดทำป้ายแจ้งข้อความว่า “ที่อับอากาศ อันตราย ห้ามเข้า” ให้มีขนาด มองเห็นได้ชัดเจน ติดตั้งไว้โดยเปิดเผยบริเวณทางเข้าออกของที่อับอากาศทุกแห่ง สำหรับที่อับอากาศ ซึ่งต้องมีอุปกรณ์เฉพาะในการเปิดทางเข้าออก ให้นายจ้างจัดให้มีมาตรการควบคุมเพื่อความปลอดภัยในการเปิดทางเข้าออกและต้องติดป้ายแจ้งข้อความดังกล่าวด้วย”
ห้ามนายจ้างให้ลูกจ้างแหรือบุคคลใดเข้าไปในที่อับอากาศ ยกเว้นนายจ้างได้ดำเนินการให้มีความปลอดภัยตามกฎกระทรวงนี้แล้ว และลูกจ้างหรือบุคคลนั้นได้รับอนุญาตจากผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในการอนุญาต และเป็นผู้ที่ได้รับการฝึกอบรมความปลอดภัยในการทำงานในที่อับอากาศ
ห้ามนายจ้างอนุญาตให้ลูกจ้าง หรือ บุคคลใดเข้าไปในที่อับอากาศ หากนายจ้างรู้ว่าหรือควรรู้ว่าลูกจ้างหรือบุคคลนั้นเป็นโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ โรคหัวใจ หรือโรคอื่นทีแพทย์เห็นว่าการเข้าไปในที่อับอากาศอาจเป็นอันตรายต่อบุคคลนั้น
ให้นายจ้างจัดให้มีการประเมินสภาพอันตรายในที่อับอากาศ หากพบว่ามีสภาพอันตรายนายจ้างต้องจัดให้มีมาตรการควบคุมสภาพอันตรายเพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อลูกจ้าง และให้นายจ้างเก็บหลักฐานการดำเนินการไว้ ณ สถานประกอบกิจการ หรือสถานที่ทำงาน เพื่อให้พนักงานตรวจความปลอดภัยตรวจสอบได้
ผม Copy ลอกกฎกระทรวงฯ 2562 มาเยอะแล้ว ทีนี้ มาเข้าเรื่องกันดีกว่าครับ
การเลือกเครื่องวัดแก๊ส (Gas Detector) สำหรับใช้งานในที่อับอากาศ (Confined Space) กันดีกว่า
เครื่องวัดแก๊ส Gas Detector คือ อุปกรณ์ทางด้านความปลอดภัย ใช้สำหรับตรวจสอบพื้นที่และบริเวณที่ปฏิบัติงานว่ามีสารพิษ สารไวไฟ ตลอดจนก๊าซออกซิเจน (อากาศ) ว่าอยู่นระดับที่มีความปลอดภัยเพียงพอก่อนจะเริ่มทำงานหรือไม่ และที่สำคัญที่สุด ผู้ที่จะเข้าไปปฏิบัติงานในพื้นที่อับอากาศ จะต้องผ่านการฝึกอบรม “การทำงานในที่อับอากาศ”
วันนี้ เรามาดูหลักวิธีการพิจารณาเลือกเครื่องวัดแก๊สสำหรับพื้นที่อับอากาศ (Confined Space)ได้อย่างคุ้มค่าและปลอดภัยกันดีกว่า คิดง่ายๆที่สุดเลยคือ หลักการสำคัญของการเลือกเครื่องวัดแก๊สสำหรับงานพื้นที่อับอากาศ (Confined Space) จะอยู่ที่การเลือกชนิด รูปแบบ และความสามารถของตัวเครื่องที่ครอบคลุมการวัดแก๊สชนิดต่างๆ ให้ครอบคลุมตรงกับงาน และสนับสนุนให้เกิดความปลอดภัยต่อผู้ปฏิบัติงาน อย่างสูงสุดนั่นเอง หลักๆ ก็มีข้อพิจารณาดังนี้
พิจารณา ในเรื่องของหัว Sensor ตรวจวัดแก๊ส ในการประเมินบรรยากาศอันตรายตามที่กฎกระทรวงปี 2562 ในเรื่องของการบริหารจัดการความปลอดภัยสำหรับการตรวจประเมินก่อนที่จะเข้าไปปฏิบัติงานในพื้นที่อับอากาศ จะต้องตรวจสอบและคำนึงถึงปริมาณออกซิเจน (O2), แก๊สติดไฟ (LEL), แก๊สพิษ (Toxic) โดยแก๊สพิษส่วนใหญ่ที่จะพบได้แก่ คาร์บอนมอนอกไซด์ (CO), ไฮโดรเจนซัลไฟด์ (H2S) ซึ่งแก๊สที่กล่าวมานี้ เป็น 4 แก๊สพื้นฐานที่พบบ่อย และควรมีไว้ในการตรวจวัดเป็นอย่างน้อย หากสามารถรวมกันอยู่ในอุปกรณ์ตัวเดียวกันได้จะทำให้การทำงานมีความสะดวกยิ่งขึ้น (เอาตรงๆ ไม่ต้องอ้อมค้อม คือ เราควรเลือกซื้อเครื่องวัดแก๊สที่มีระบบ Sensor ที่สามารถวัดได้ทั้ง 4 แก๊สพื้นฐานนี้ อยู่ในเครื่องเดียวกัน)
พิจารณาในเรื่อง ความสามารถในการป้องกัน และการก่อให้เกิดประกายไฟขณะทำงาน ตัวอุปกรณ์เครื่องวัดแก๊ส เป็นอุปกรณ์ Electronic ซึ่งในขณะที่เครื่องกำลังทำงาน ก็มีความเสี่ยงอาจก่อให้เกิดประกายไฟได้ หากพื้นที่หน้างานมีไอระเหยของเชื้อเพลิง หรือสารเคมีที่มีความเสี่ยงในการระเบิดหรือติดไฟได้ ดังนั้นในการเลือกซื้อเครื่องวัดแก๊สควรเลือกตัวอุปกรณ์ที่มีมาตรฐานสูง ยี่ห้อมีความน่าเชื่อถือ และมีมาตรฐานที่น่าเชื่อถือในการกันการระเบิดจากประกายไฟ แต่ที่ว่าจะสามารถกันการระเบิดได้ในระดับใด โซนใดบ้าง อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับ Specification ของอุปกรณ์ซึ่งแตกต่างตามยี่ห้อและราคา ของ Brand และตามแต่ละประเภทของหน้างานที่เราจะนำไปใช้
พิจารณาเรื่อง ระบบการแจ้งเตือน และการร้องขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน (ถ้ามี) เครื่องวัดแก๊สที่ดี ควรจะต้องมีระบบการทำงานระบบนี้ เช่นผู้ปฏิบัติงานใช้เครื่องวัดแก๊สประสบเหตุฉุกเฉินขณะทำงานโดยไม่คาดคิด เช่น มี Motion Sensor แบบประมาณว่า เครื่องมันจะรู้สึกได้ว่า เอ๊ะ! ผู้ปฏิบัติงาน ไม่กระดุกกระดิก ไม่เคลื่อนไหวตามเวลาที่กำหนด เครื่องก็จะส่งสัญญาณเตือน หรือส่งเสียงดังๆ เตือนไปยังเพื่อนร่วมงาน หรือผู้ช่วยเหลือที่เกี่ยวข้องได้ หรือหากเป็นเครื่องที่มีระบบสื่อสารระยะไกล ก็จะสามารถใช้ระบบสื่อสารนั้น ร้องขอความช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมงาน หรือผู้ช่วยเหลือ ผู้ควบคุมงานที่เกี่ยวข้องได้
พิจารณาเรื่อง Option เสริม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการทำงาน และเพิ่มความปลอดภัย บางสถานที่ของโรงงานไม่สามารถนำถือ หรือตัวเครื่องวัดแก๊สเข้าไปตรงจุดที่ต้องการตรวจสอบได้ เช่นอาจจะเป็นท่อ เป็นบ่อที่ลึกลงไป หรือในถังปิดขาดใหญ่ (ห้ามหย่อนเครื่องวัดแก๊สลงไปในบ่อ หรือถัง ที่อับอากาศลงไปตรงๆ เด็ดขาด) เนื่องจากพื้นที่เหล่านี้มีความเสี่ยงสูงที่จะเดินเข้าไปถึงที่ อาจเกิดอันตรายได้ จำเป็นจะต้องใช้อุปกรณ์เสริม เช่นระบบปั๊มดูดอากาศเข้ามาที่เครื่อง (ดูดอากาศจากภายนอก หรือ ใช้สายต่อพ่วง หย่อนลงไป) ซึ่ง Option อุปกรณ์เสริมเหล่านี้ ควรที่จะมีไว้เป็นการดี เป็นการช่วยเพิ่มความปลอดภัยต่อผู้ปฏิบัติงาน
พิจารณาเรื่อง การสอบเทียบมาตรฐานอุปกรณ์ (Calibration) เครื่องมือวัดที่ดีทุกชนิด ควรมีการสอบเทียบ (Calibration) และมีการรับรองการสอบเทียบอุปกรณ์อยู่เสมอตามวงรอบการ Calibrate การใช้เครื่องมือที่ไม่มีการสอบเทียบ ไม่ต่างอะไรกับการถือระเบิดเวลา (แนะนำให้มีการสอบเทียบเครื่องมือ เดือนละ 1 ครั้ง) เครื่องวัดแก๊สมีความสำคัญอย่างยิ่ง ผู้ปฏิบัติงานไม่ควรใช้เครื่องวัดแก๊สที่ขาดการบำรุงรักษา หรือมีความเสี่ยงว่าอาจจะชำรุด เข้าไปใช้งานในสถานที่อับอากาศ เพราะมันอาจให้การอ่านค่าผิด ทำให้ผุ้ปฏิบัติงานเกิดอันตรายได้ การสอบเทียบมาตรฐานหากเราไม่มีความชำนาญหรือเราไม่มีชุดแก๊สสอบเทียบ เราควรติดต่อส่งเครื่องให้กับผู้ให้บริการหรือให้ผู้ขายนำเครื่องส่งเพื่อสอบเทียบ จัดการทำ Calibration ให้ดีกว่า เพราะจะมีอุปกรณ์และ แก๊สสอบเทียบที่ได้มาตรฐาน และมีการรับประกันดีกว่า และถ้าหากผู้ขาย/ผู้ให้บริการมีระบบแจ้งเตือนการสอบเทียบหรือมีระบบฐานข้อมูล ช่วยเก็บประวัติเครื่องของเรา ก็จะช่วยให้เราสะดวกมากขึ้นและเป็นการช่วยป้องกันการลืมนำเครื่องวัดแก๊สไปสอบเทียบเมื่อถึงกำหนดตามวงรอบ
สนทนาเพิ่มเติม คุณกัมปนาถ ติดต่อ T.063-7855159 id Line: Lpcontact
บทความนี้ ใช้เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ มิได้ทำเพื่อการค้าแต่อย่างใด
ผู้รวบรวมเขียนเนื้อหา ยินดีแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดเห็นกับพี่น้อง Safety ทุกท่านครับ